ระยองขยายคลัง ปตท. เตรียมงบ 3.8 หมื่นล้าน

ปตท.ศึกษาธุรกิจขนส่งก๊าซ LNG เล็งทำขนส่งทางเรือ หวังบริหารต้นทุนนำเข้าก๊าซให้ถูกลง แจงอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม คืบหน้าขยายเทอร์มินอลระยะที่ 2 กำลังผลิต 7.5 ล้านตัน เตรียมออกแบบทางวิศวกรรมเพื่อเปิดประมูลผู้รับเหมาไตรมาส 2 ปี 60 คาดรองรับการนำเข้าได้ปี 65

ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในประเทศมีมากขึ้น โดยเฉพาะใช้เพื่อเป็นเชื้อเพลิงสำหรับการผลิตไฟฟ้า ในปัจจุบันบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) รับหน้าที่ในการนำเข้า และคาดว่าจะต้องนำเข้าเพิ่มเติมอีก เพราะการพัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหินตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ PDP (Power Development Plan 2558-2579) อาจล่าช้ากว่าแผน ดังนั้นคาดว่าความต้องการใช้ก๊าซ LNG จะปรับเพิ่มขึ้นมาก เท่ากับว่า ปตท.จะต้องวางแผนรองรับการนำเข้าที่มากขึ้นด้วย

นายนพดล ปิ่นสุภา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ปตท.อยู่ในระหว่างศึกษาความเหมาะสมที่จะลงทุนในธุรกิจขนส่งทางเรือเพื่อรองรับการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในอนาคต ก่อนหน้านี้ ปตท.จะใช้สัญญาซื้อขายลักษณะแบบส่งถึงท่าเรือของ ปตท.หรือ DES (Delivery Ex-ship) ซึ่งจะบวกรวมต้นทุนค่าขนส่ง การประกันความเสี่ยงและอื่น ๆ ไว้ทั้งหมด จะเปลี่ยนเป็นลักษณะการซื้อที่หน้าท่าผู้ขายหรือ FOB (Free On Board) โดยที่ ปตท.จะเป็นผู้บริหารต้นทุนที่นอกเหนือจากราคาเนื้อก๊าซไว้ทั้งหมด ซึ่งขณะนี้ได้ให้ทีมงานของ ปตท.เทรดดิ้ง เริ่มทดลองนำเข้าในโครงการเสมือนจริง เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกของต้นทุนการขนส่ง และมีความคุ้มค่าในกรณีที่ ปตท.ต้องการลงทุนพัฒนาธุรกิจเรือขนส่งหรือไม่

ในกรณีที่ดำเนินการศึกษาแล้วพบว่าคุ้มค่าที่จะลงทุน ปตท.จะเข้ามาในธุรกิจขนส่งเดินเรืออย่างเต็มตัวใน 2 วิธีคือ 1.) ลงทุนพัฒนาการขนส่งทางเรือ หรือ 2.) การเช่าเรือ ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าการลงทุนเพื่อทำธุรกิจเรือขนส่งนั้นอาจจะลงทุนค่อนข้างสูงมาก ฉะนั้นต้องศึกษาให้มั่นใจก่อนว่าเมื่อลงทุนตั้งแล้วจะทำให้ต้นทุนการขนส่งถูกลง

“ปตท.มีประสบการณ์จ้างเรือขนส่งอยู่บ้างแล้วแต่ตอนนี้ต้องศึกษากันในแต่ละคาร์โก้ที่นำเข้าก๊าซ LNG ว่ามีการบริหารจัดการเรืออย่างไรเมื่อศึกษาจนมั่นใจแล้วว่าเราสามารถทำต้นทุนการขนส่งได้ถูกลงปตท.ก็จะเดินหน้าต่อในสเต็ปต่อไปคือการลงทุนด้านขนส่งอย่างเต็มตัวเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการต้นทุนขนส่ง”

นายนพดลกล่าวเพิ่มเติมถึงแผนการขยายท่าเรือ-คลังก๊าซ LNG หรือ LNGReceivingTerminal ว่าปัจจุบันปตท.อยู่ในระหว่างการพิจารณาจากกระทรวงพลังงานเพื่อให้ขยายเทอร์มินอลระยะที่ 2 กำลังผลิตระหว่าง 5 ล้านตัน/ปี หรือ 7.5 ล้านตัน/ปี ซึ่ง ปตท.ได้เตรียมพื้นที่ส่วนขยายของโครงการดังกล่าวที่บริเวณบ้านหนองแฟบ จังหวัดระยอง ที่คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 38,500 ล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างจัดทำแบบประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ภายในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ปตท.จะดำเนินการออกแบบเบื้องต้นทางวิศวกรรมเพื่อนำมาใช้สำหรับการเปิดประมูลผู้รับเหมาในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2560 และจะประกาศผลภายในปลายปี 2560 เช่นกัน คาดว่าโครงการนี้จะก่อสร้างแล้วเสร็จและรองรับการนำเข้าก๊าซ LNG ได้ภายในปี 2565

ทั้งนี้ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว มีความเป็นไปได้ที่อาจจะต้องนำเข้าเพิ่มจากแผนที่วางไว้จากปัจจัยความเสี่ยงคือ โรงไฟฟ้าถ่านหินของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในพื้นที่จังหวัดกระบี่และในพื้นที่อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา อาจล่าช้ากว่าแผนที่วางไว้ รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน ของบริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด หรือ NPS ที่ล่าสุดยังไม่สามารถผลิตไฟฟ้าเข้าระบบได้เพราะยังอยู่ในระหว่างจัดทำแบบประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ(EHIA)

รายงานเพิ่มเติมระบุว่าก่อนหน้านี้ปตท.ได้พัฒนาท่าเรือ-คลังก๊าซLNGในระยะที่1เฟสแรกกำลังผลิต5ล้านตัน/ปี แล้วเสร็จไปแล้วตั้งแต่ปี 2554 หลังจากนั้นได้ขยายในเฟสที่ 2 อีก 5 ล้านตัน/ปี ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงต้นปี 2560 นี้ และเมื่อเร็ว ๆ นี้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้อนุมัติให้ ปตท.ขยายคลังก๊าซ LNG เพิ่มเติมอีก 1.5 ล้านตัน ในพื้นที่มาบตาพุด จังหวัดระยอง คาดว่าส่วนขยายนี้จะเริ่มดำเนินการได้ภายในปี 2562 ?รวมศักยภาพรองรับความต้องการใช้ได้ถึง 11.5 ล้านตัน ปัจจุบันแหล่งผลิตก๊าซ LNG สำคัญของโลกอยู่ที่ประเทศในตะวันออกกลาง และแอฟริกา เป็นต้น

ขอบคุณข้อมูลจาก : Prachachat