เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์ระยอง จัดสัมนาในหัวข้อ ” EEC จุดพลุระยอง เมืองใหม่ Hight Speed train ” โดยรับเกียรติจาก ท่านอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และศาสตราจารย์ ดร.บัณฑิต จุลาสัย คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรมหาวิทยาลัย มาเป็นวิทยากรบรรยายในครั้งนี้ และทางสมาคมฯ ยังได้รับเกียรติ จากนายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวเปิดงาน และพูดถึงภาพรวมด้านเศรษฐกิจ ของจังหวัดระยอง โดย นางอนุชิดา ชินศิรประภา ภายในงานมีสมาชิก และบุคคลทั่วไป ให้ความสนใจอย่างมาก
โดยงานสัมนานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจต่างๆ รวมถึงบุคคลทั่วไปในจังหวัดระยอง และจังหวัดใกล้เคียง ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น กับนโยบาย ระเบียงเศรษฐกิจ ที่ภาครัฐกำหนด ซึ่งมีผลกับทิศทางเศรษฐกิจการลงทุน และวิถีชีวิตของประชาชนอย่างมาก
โดยเนื้อหาของการสัมนาในครั้งนี้ คือ “EEC จุดพลุระยอง เมืองใหม่ Hight Speed train” เป็นการร่วมพูดคุยถึงอนาคตของเมืองระยอง เพื่อเตรียมตัวรับ EEC และเผยให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น
รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะยกระดับให้พื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ซึ่งได้แก่ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ระยอง และพัทยา ขึ้นเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งจะดำเนินการบนพื้นที่กว่า 13,000 ตารางกิโลเมตร เพื่อให้เป็นเขตศูนย์กลางแห่งอนาคต และเป็นศูนย์กลางการผลิต การค้า การส่งออก การลงทุน และการขนส่งในอนาคต ซึ่งได้แก่
การพัฒนาทางน้ำ ท่าเรือแหลมฉบังซึ่งจะพัฒนาให้เป็นท่าเรือหลักในการขนส่งตู้สินค้าและรถยนต์ ซึ่งจะได้ขยายให้มีการรองรับการผลิตได้ถึง 18 ล้าน ทีอียูต่อปี รถยนต์ 3 ล้านคันต่อปี เพื่อให้ติดอันดับหนึ่งใน 15 ของโลก ซึ่งจะส่งผลให้ท่าเรือแหลมฉบังเป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้าที่สำคัญที่สุดและเป็นประตูสู่อินโดจีน
ท่าน้ำลึกมาบตาพุด เฟส 3 สำหรับขนส่งเรือสินค้าเหลวและก๊าซธรรมชาติ อันเป็นวัตุถดิบสำคัญในการผลิตพลังงาน เพื่อรองรับปิโตรเคมีขั้นสูง ส่งเสริมท่าเรือ พาณิชย์สัตหีบ ท่าจอดเรือสำราญ ที่ทันสมัยได้มาตรฐานระดับโลก การขยายตัวของอุตสาหกรรมต่อเรือ ขุดเจาะน้ำมัน และเชื่อมการเดินทางโดยเส้นทางเรือเฟอรี่เพื่อเชื่อมจุดท่องเที่ยวหลัก ระหว่างทะเลสองฝั่งของประเทศไทย
การพัฒนาทางอากาศ สนามบินอู่ตะเภา ได้ยกระดับให้เป็นสนามบินนานาชาติ ด้วยรันเวย์ขนาดมาตรฐาน อาคารผู้โดยสารที่ทันสมัย รองรับธุรกิจการส่งสินค้าและโลจิสติกส์แบบครบวงจร และนอกจากนี้ยังส่งเสริมอย่างเต็มกำลัง ให้สนามบินอู่ตะเภาเป็นศูนย์กลางสำหรับศูนย์ซ่อมอากาศยานที่ บมจ.การบินไทย จะเป็นผู้ลงทุนที่ทันสมัยที่สุด เมื่อผสานกับสนามบิน ดอนเมือง จะส่งให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคเอเชีย
การพัฒนาทางบก โครงการรถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมทั้งสามแห่ง คือ ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา รถไฟทางคู่ จากแหล่งอุตสาหกรรมมทั่วประเทศ เชื่อมสู่ท่าเรือแหลมฉบัง และท่าเรือมาบตาพุด ขยายมอเตอร์เวย์จากกทมสู่ระยอง สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
1. ช่วงกรุงเทพฯ (บางซื่อ)-แก่งคอย ระยะทาง 118.142 กิโลเมตร
2. ช่วงแก่งคอย-นครราชสีมา ระยะทาง 134.213 กิโลเมตร
3. ช่วงแก่งคอย-มาบตาพุด ระยะทาง 238.829 กิโลเมตร
4. ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 354.090 กิโลเมตร รวมระยะทาง 845.274 กิโลเมตร
นอกจากนี้ยังมีแนวคิดที่จะผลักดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมที่ทันสมัย และครบวงจรที่สุด โดยส่งเสริม 10 อุตสาหกรรมหลัก เพื่อพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยการต่อยอดภาค 5 อุตสาหกรรมเดิมได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนตร์แห่งอนาคต อิเล็คทรอนิคอัจฉริยะ อุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพระดับสูง แปรรูปอาหาร การท่องเที่ยว และเพิ่มภาคอุตสาหกรรมใหม่ ได้แก่ อุตสาหกรรมหุ่นยนตร์ ทั้งในภาคอุตสาหกรรม และการใช้งานในชีวิตประจำวัน การบินครบวงจร ประกอบด้วย ศูย์ซ่อมอากาศยาน ชิ้นส่วนอะไหล่ บริเวณสนามบินอู่ตะเภา อุตสาหกรรมการแพทย์และดูแลสุขภาพครบวงจร อุตสาหกรรมพลังงาน ไบโออิโคโนมี่ และขยายอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่มาบตาพุด พลังงานและเคมีชีวภาพ โดยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการเกิดอุตสาหกรรมยานยนตร์ เช่นรถยนต์ไฟฟ้า จุดตั่งเขตปลอดภาษีอาการ ทั้งท่าเรือและสนามบิน ตลอดจนจัดตั้งเขตเสรีทางการค้าพิเศษ
ศูนย์บริหารเงิน และศูนย์วิจัยของบริษัทชั้นนำต่างๆ และเน้นส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว เช่น พัฒนาเมืองพัทยาให้เป็นเมืองน่าอยู่ระดับโลก และเพื่อให้เป็นเมืองท่องเที่ยวระดับแนวหน้า เป็นศูนย์กลางการประชุมธุรกิจระดับโลก พัฒนาระบบคมนาคม เพิ่มความสะดวกสบาย สนับสนุนการท่องที่ยวเชิงวัฒนธรรม และการจัดงานต่างๆในระดับสากล เพื่อขยายเขตการท่องเที่ยวให้ครอบคลุม และกระจายรายได้เข้าสู่ชุมชน
การพัฒนาสี่เมืองใหม่ ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี พัทยา ระยอง และพื้นที่ที่จะเป็นมหานครใหม่ การจัดระบบผังเมืองโดยคำนึงถึงรูปแบบการดำเนินชีวิต และธรรมชาติ พัฒนาระบบสาธารณูปโภค และบุคลากรจากทั่วทุกมุมโลกที่มีความเชี่ยวชาญ
การพัฒนาอีอีซี ดำเนินภายใต้ พระราชบัญญัติพ.ร.บ.เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกที่จะทำให้เกิดการต่อเนื่องในการลงทุน กว่า 1.5 ล้านล้านบาท โดยได้รับสิทธิ์ประโยชน์สูงสุด เช่น ยกเว้นภาษษีเงินได้นิติบุคคล 15 % ต่ำที่สุดในอาเซียน กำหนดอัตราภาษีเงินได้ต่ำกว่า บริษัทการค้าระหว่างประเทศ ศุนย์บริหารเงิน ศูรย์วิจัยระดับภูมิภาค วีซ่า 5 ปี สิทธิการเช่าที่ดินราชพัสดุถึง 15 ปี จุด One stop Service ที่จะอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุน การค้า การลงทุน
เชื่อว่าจะมีการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก1.5 ล้านล้านบาท ภายในระยะเวลา 5 ปี โดยสิทธิเหล่านี้จะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการนโยบายพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : สมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์ ระยอง โทรศัพท์ : 094 – 781 – 5566
โดยทีมงานบ้านดี ( Baan .d )
บ้านดี (Baan-D)
บ้านดีดอทคอม ศูนย์รวมข้อมูลบ้านและคอนโด พร้อมรีวิวเจาะลึกโครงการฯ วิเคราะห์ทำเลที่พักอาศัย และอัพเดทข่าวสารในแวดวงอสังหาฯ
“บ้านดี - สื่อกลางสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อและขายบ้าน รวมถึง อสังหาริมทรัพย์เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยอย่างครบวงจร”
บ้านดี (Baan-D)
บ้านดีดอทคอม ศูนย์รวมข้อมูลบ้านและคอนโด พร้อมรีวิวเจาะลึกโครงการฯ วิเคราะห์ทำเลที่พักอาศัย และอัพเดทข่าวสารในแวดวงอสังหาฯ
“บ้านดี - สื่อกลางสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อและขายบ้าน รวมถึง อสังหาริมทรัพย์เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยอย่างครบวงจร”
Copyright © 2018 Baan-D.com. All rights reserved.
Copyright © 2018 Baan-D.com. All rights reserved.