การเดินเกมของ “กลุ่มเซ็นทรัล” เข้มข้นไม่หยุด ไม่เพียงงบฯ 47,500 ล้านบาท สำหรับการลงทุนขยายสาขาตลอดปีนี้ แต่ยังรวมถึงการลงทุนรอบทิศใหม่ ๆ ในทุกโอกาส
ซึ่งงบฯลงทุนก้อนนี้ ไม่รวม “งบฯพิเศษ” M&A ที่ตั้งแยกไว้ต่างหากสำหรับการเข้าซื้อกิจการหรือร่วมทุนต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เมื่อเห็นโอกาสและศักยภาพการเข้าไปลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
“ประชาชาติธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์ “ขุนคลัง” ของตระกูลจิราธิวัฒน์ ถึงแผนการลงทุนรอบใหม่ โดยเฉพาะทำเลสุดร้อนแรง “อีอีซี” เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
“ปริญญ์ จิราธิวัฒน์” รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ฉายภาพว่า การพัฒนาเมกะโปรเจ็กต์อีอีซีของภาครัฐจะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญทำให้ระบบเศรษฐกิจ การลงทุน และตลาดขยายตัวออกไปในวงกว้าง และผลักดันความเจริญขยายตัวออกไปมากขึ้น ปัจจุบันกลุ่มเซ็นทรัลมีที่ดินในโซนภาคตะวันออกนี้บางส่วน เพื่อรองรับการลงทุนในแต่ละรูปแบบของกลุ่มเป็นการลงทุนในแบบที่เราถนัดและเป็นทางของเรา
ทั้งนี้ รูปแบบการลงทุนด้วยการอิงไปกับการพัฒนาเมกาโปรเจ็กต์ของรัฐนั้น กลุ่มเซ็นทรัลจะดูความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่และทำเลของโครงการรัฐ ด้วยพอร์ตธุรกิจที่มีครอบคลุมทั้งกลุ่มค้าปลีก กลุ่มธุรกิจโรงแรม และกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ ซึ่งเป็นการลงทุนที่สามารถไปได้หมดตามแต่ละทำเล
“และที่สำคัญ แต่ละโมเดลที่จะไป ไม่จำเป็นต้องรอกันหรือไปแบบมิกซ์ยูสก็ได้ เราสามารถให้แต่ละธุรกิจขยายการลงทุนไปแบบสแตนด์อะโลนได้เลยทุกกลุ่มธุรกิจไปได้หมด และโตได้ด้วยตัวเอง”
นอกจากนี้ ตลาดต่างประเทศจะเป็นหัวหอกสำคัญของการสร้างการเติบโตของกลุ่มเซ็นทรัล ทั้งจากตลาดยุโรปที่ได้เข้าไปสร้างฐานแน่นจากการลงทุนครั้งใหญ่ไปก่อนหน้านี้ ซึ่งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2556-2560) รายได้ในยุโรปโต 24% ปีที่ผ่านมา ตลาดยุโรปมีรายได้รวม 51,100 ล้านบาท มาจากห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต อิตาลี, ห้างสรรพสินค้าอิลลุม เดนมาร์ก และห้างสรรพสินค้ากลุ่มคาเดเว(ห้างคาเดเว, ห้างโอเบอร์โพลลิงเกอร์ และห้างอัลสแตร์เฮาส์) เยอรมนี
“ตลาดยุโรปในตอนนี้คงไม่ได้มีการลงทุนอะไรมากนัก รอดูจังหวะและโอกาสที่ดีของการลงทุนมากกว่า แต่ถ้าจะต้องตั้งทีมไปขวนขวาย (ซื้อกิจการ) ตอนนี้คงยังไม่ใช่จังหวะแบบนั้น แต่ถ้ามีแอสเสตดี ๆ มา เราก็พร้อมและสนใจ แต่อย่างที่รู้กันว่าตลาดยุโรปไม่ค่อยดี ปีนี้น่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่ก็ขึ้นอยู่กับนักท่องเที่ยว ถ้าเข้ามาเยอะก็ช่วยดันตลาดได้”
แต่อย่างเคสของ “เวียดนาม” ไม่ใช่อย่างนั้น สิ่งที่เราทำตอนนี้ คือ เราตั้งใจและขวนขวายที่จะเข้าไปลุยตลาดนี้
สอดคล้องกับภาพการลงทุนของกลุ่มเซ็นทรัลตลอดช่วงที่ผ่านมาที่บุกอย่างหนักและต่อเนื่องตามแผนการลงทุนในเวียดนาม 5 ปี (2560-2564) วางงบฯลงทุน 17,500 ล้านบาท ซึ่งเมื่อ 5 ปีก่อนกลุ่มเซ็นทรัลได้เริ่มเข้าไปทำธุรกิจในเวียดนาม มีรายได้เพียง 120 ล้านบาท แต่ในปี 2560 รายได้ขยับเป็น 44,800 ล้านบาท ครอบคลุมธุรกิจศูนย์การค้าบิ๊กซี, ซูเปอร์มาร์เก็ต “ลานชีมาร์ท”, ห้างสรรพสินค้าโรบินส์, แบรนด์แฟชั่น, เครื่องใช้ไฟฟ้าเหงียนคิม, ร้าน B2S และธุรกิจออนไลน์ 3 แพลตฟอร์มเว็บไซต์ NguyenKim.vn, Robins.vn และ B2S.com.vn
อย่างไรก็ตาม ตลาดในประเทศยังคงเป็นเป็นตลาดหลักและรายได้หลักของกลุ่มเซ็นทรัล
“ตลาดในประเทศอาจโตได้ไม่เยอะ แต่ก็ถือว่าดีกว่าปีที่แล้ว เพราะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาช่วย ส่วนกำลังซื้อโลคอลก็พอใช้ได้ แต่ไม่ถือว่าดีมาก”
เช่นเดียวกับภาพการจับมือกับพาร์ตเนอร์ธุรกิจรายใหญ่ในประเทศและต่างประเทศจะหลากหลายและมีมากขึ้น จากปัจจุบันเป็นพาร์ตเนอร์ ดุสิตธานี, JD.com และฮ่องกงแลนด์
ทำให้ทุกสเต็ปการลงทุนของกลุ่มเซ็นทรัล…เติบโตแบบรอบทิศ
ขอบคุณข้อมูล prachachat
บ้านดี (Baan-D)
บ้านดีดอทคอม ศูนย์รวมข้อมูลบ้านและคอนโด พร้อมรีวิวเจาะลึกโครงการฯ วิเคราะห์ทำเลที่พักอาศัย และอัพเดทข่าวสารในแวดวงอสังหาฯ
“บ้านดี - สื่อกลางสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อและขายบ้าน รวมถึง อสังหาริมทรัพย์เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยอย่างครบวงจร”
บ้านดี (Baan-D)
บ้านดีดอทคอม ศูนย์รวมข้อมูลบ้านและคอนโด พร้อมรีวิวเจาะลึกโครงการฯ วิเคราะห์ทำเลที่พักอาศัย และอัพเดทข่าวสารในแวดวงอสังหาฯ
“บ้านดี - สื่อกลางสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อและขายบ้าน รวมถึง อสังหาริมทรัพย์เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยอย่างครบวงจร”
Copyright © 2018 Baan-D.com. All rights reserved.
Copyright © 2018 Baan-D.com. All rights reserved.