หากพูดถึงตลาดที่อยู่อาศัยในจังหวัดชลบุรี พบว่าค่อนข้างมีความแตกต่างของรูปแบบโครงการที่ชัดเจนแตกต่างกันไปตามทำเล ซึ่งจากข้อมูลของบริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด พบว่า หากเป็นการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมจะอยู่กันมากในพื้นที่ตามแนวชายทะเล ส่วนโครงการบ้านจัดสรรส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่รอบๆ นิคมอุตสาหกรรมและพื้นที่ทางทิศตะวันตกของถนนสุขุมวิทที่ไกลจากชายทะเลเพราะราคาที่ดินต่ำกว่าเหมาะแก่การพัฒนาโครงการแนวราบ อำเภอที่มีโครงการบ้านจัดสรรอยู่ค่อนข้างมากคือบางละมุง อาจจะเพราะเป็นทำเลที่ไม่ไกลจากแหล่งงานสำคัญในจังหวัดชลบุรี เช่น นิคมอุตสาหกรรมต่างๆ และมีถนนสายสำคัญผ่านทั้งถนนสุขุมวิท มอเตอร์เวย์กรุงเทพ – ชลบุรี บางละมุงจึงเป็นอำเภอยอดนิยมที่มีผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่ และท้องถินเปิดขายโครงการที่อยู่อาศัยกันมากมายโดยเฉพาะโครงการบ้านจัดสรร
แนวราบหนองปรือแข่งเดือด-ดีมานด์มาก
พื้นที่ตำบลหนองปรือเป็นพื้นที่ที่เรียกได้ว่ามีความหนาแน่นของโครงการที่อยู่อาสัยมากที่สุดในอำเภอบางละมุง เพราะในพื้นที่ตำบลหนองปรือ มีโครงการบ้านจัดสรรเปิดขายอยู่ 70 โครงการจำนวนยูนิตรวมประมาณ 6,464 ยูนิต หรือประมาณ 43% ของจำนวนบ้านจัดสรรที่เปิดขายในอำเภอบางละมุงโดยในจำนวนทั้งหมดของโครงการบ้านจัดสรรที่เปิดขายในตำบลหนองปรือนั้นเป็นทาวน์เฮาส์มากที่สุดเพราะมีทั้งหมด 2,890 ยูนิต คิดเป็น 45% ของที่อยู่อาศัยทั้งหมดที่เปิดขาย ณ ปัจจุบัน รองลงมาคือ บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ตามลำดับ
โดยทาวน์เฮาส์ที่เปิดขายในปัจจุบันนั้นมีสัดส่วนของราคาขายช่วงระหว่าง 1.5 – 2 ล้านบาทต่อยูนิตมากที่สุด เพราะสอดคล้องกับกำลังซื้อในพื้นที่และทาวน์เฮาส์ระดับนี้ก็ได้รับความสนใจระดับหนึ่งเพราะมีอัตราการขายที่ประมาณ 60% ส่วนบ้านเดี่ยวในพื้นที่นี้เปิดขายที่ระดับ 3 –5 ล้านบาทต่อยูนิตมากที่สุดและมีอัตราการขายที่เกือบ 80% แสดงว่าผู้บริโภคให้ความสนใจกับบ้านเดี่ยวในระดับราคาดังกล่าวค่อนข้างมากเช่นกัน
อย่างไรก็ตามโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่นี้ยังน่าสนใจและมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่อยู่ในทำเลที่ไม่ไกลจากนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ อีกทั้งมีความพร้อมในเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกที่สามารถรองรับการใช้ชีวิตของคนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี
รุกตลาดตะวันออกรับEEC
บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)หรือ LALIN ถือว่าเป็นหนึ่งในบริษัทอสังหาฯจากกทม.ที่รุกขยายฐานตลาดอสังหาฯในต่างจังหวัด โดยเฉพาะภาคตะวันออก เมื่อปี2556 ที่ผ่านมาด้วยการเจาะตลาดแนวราบที่ศรีราชา จ.ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา จนถึงปัจจุบันพัฒนาไปแล้ว 13 โครงการ ถือเป็นการไปลงทุนที่ถูกจุดถูกตำแหน่ง เพราะต่อมาประมาณปี2559 รัฐบาลได้ประกาศ ให้การสนับสนุนโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือEastern Economic Corridor(EEC) ยิ่งทำให้ ลลิลฯ ขยายการลงทุนในจังหวัดพื้นที่ EEC มากขึ้น โดยเฉพาะจ.ชลบุรี เนื่องจากแบรนด์เป็นที่รับรู้ว่ามีความน่าเชื่อถือในกลุ่มผู้บริโภคภาคตะวันออก
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)หรือ LALIN เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯในโซนจ.ชลบุรี ว่ายังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วง 3 – 4 ปีที่ผ่านมา มีโครงการประเภทแนวราบเปิดตัวใหม่ประมาณ 12,000 -14,000 ยูนิตต่อปี แบ่งเป็นทาวน์โฮม สัดส่วน 75 – 80% และบ้านเดี่ยว สัดส่วน 20 -25% ซึ่งเป็นตลาดที่ขยายตัวสูงรองจากกรุงเทพฯ โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากชลบุรี เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงยังเป็นจังหวัดที่อยู่ในเขตEEC ที่จะมีโครงการเชื่อมต่อคมนาคม และโครงการส่งเสริมเศรษฐกิจจากภาครัฐ ส่งผลให้ตลาดโซนนี้ยังเติบโตได้อีกมาก
นอกจากนี้ยังมีโซนพัทยาที่เป็นเมืองท่องเที่ยว ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาในชลบุรีได้มาก เฉลี่ยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าพัทยาปีละ 7 – 8 ล้านคน ซึ่งภาคตะวันออกถือเป็นภาคที่มีชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวคิดเป็นสัดส่วน 30% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทยรวมไม่ต่ำกว่า 28 ล้านคนในปี2559 ที่ผ่านมา ส่งผลให้เศรษฐกิจในชลบุรีขยายตัวอย่างมาก มีประชากรเข้ามาทำงานและต้องการที่อยู่อาศัยในโซนนี้มาก ซึ่งส่วนใหญ่มองว่าเป็นกลุ่มที่ต้องการซื้ออสังหาฯเพื่ออยู่อาศัยอย่างแท้จริง
สำหรับในช่วงไตรมาส1/2560 เปิดโครงการใหม่ไป2 โครงการ ได้แก่ ลลิล ทาวน์ ไลโอ บลิสซ์ บางนา-สุวรรณภูมิ และ ลลิล ทาวน์ ไลโอ บลิสซ์ ชลบุรี-อมตะนคร มูลค่ารวม 1,350 ล้านบาท จากแผนทั้งปีที่วางแผนเปิดตัว8-10 โครงการ รวมมูลค่า 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการพัฒนาโครงการในกรุงเทพฯ 70 % และอีก30 %เป็นโครงการในต่างจังหวัด ซึ่งปัจจุบันที่ดินรองรับแล้วบางส่วน ส่วนงบซื้อที่ดินปีนี้บริษัทฯวางไว้ที่ 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะใช้สำหรับการซื้อที่ดินทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดเน้นทำเลที่มีศักยภาพ ขณะนี้สามารถซื้อที่ดินได้แล้วกว่า 50% ขณะที่แหล่งเงินลงทุนจะมาจากกระแสเงินสดในมือ
คาดยอดรายได้ทั้งปีแตะ3,100 ล้านบาท
ด้านความคืบหน้าโครงการลลิล ทาวน์ (Lalin Town) แลนซีโอ นอฟ (Lanceo Nov) พัทยา ที่ได้เริ่มเปิดตัวช่วงปลายปี2559 ที่ผ่านมา ตั้งอยู่บนพื้นที่ทั้งหมด 35 ไร่เศษ แบ่งการพัฒนาออกเป็น 3 เฟส ในรูปแบบของบ้านเดี่ยว ขนาด 35-60 ตารางวา ราคา 2.8-5 ล้านบาทและทาวน์โฮม บรรยากาศรีสอร์ท ขนาด 18-22 ตารางวา ราคา 1.7-1.9 ล้านบาท รวม243 ยูนิต มูลค่าโครงการ 660 ล้านบาท โดยในส่วนของเฟสแรกมียอดขายแล้วกว่า 40 ยูนิต คาดว่าจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปลายไตรมาส1-ไตรมาส2
อย่างไรก็ตามในไตรมาส1/2560 บริษัทสามารถทำยอดขายได้แล้ว 900-1,000 ล้านบาท โดยทั้งปีบริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ 3,650 ล้านบาท ขณะที่รายได้ตั้งเป้าไว้ที่ 3,100 ล้านบาท โดยบริษัทยังมีโครงการเหลือขายและยอดขายรอโอน(Backlog) อยู่จำนวนหนึ่ง ขณะที่ยอดปฎิเสธสินเชื่อปัจจุบันอยู่ 20-25% ใกล้เคียงปีก่อน โดยแนวโน้มถือว่ายังไม่ได้มีการปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นผลกระทบจากโครงการรถคันแรก แม้ว่าจะครบกำหนดแล้วแต่มองว่าผู้บริโภคยังไม่เร่งรีบในการใช้เงิน ซึ่งต้องติดตามในช่วงครึ่งปีหลังอีกครั้งว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไร
ขอบคุณข้อมูล prop2morrow
บ้านดี (Baan-D)
บ้านดีดอทคอม ศูนย์รวมข้อมูลบ้านและคอนโด พร้อมรีวิวเจาะลึกโครงการฯ วิเคราะห์ทำเลที่พักอาศัย และอัพเดทข่าวสารในแวดวงอสังหาฯ
“บ้านดี - สื่อกลางสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อและขายบ้าน รวมถึง อสังหาริมทรัพย์เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยอย่างครบวงจร”
บ้านดี (Baan-D)
บ้านดีดอทคอม ศูนย์รวมข้อมูลบ้านและคอนโด พร้อมรีวิวเจาะลึกโครงการฯ วิเคราะห์ทำเลที่พักอาศัย และอัพเดทข่าวสารในแวดวงอสังหาฯ
“บ้านดี - สื่อกลางสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อและขายบ้าน รวมถึง อสังหาริมทรัพย์เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยอย่างครบวงจร”
Copyright © 2018 Baan-D.com. All rights reserved.
Copyright © 2018 Baan-D.com. All rights reserved.