อสังหาพัทยาซึม ดองนานกว่าสองปี

“พัทยา” เป็นส่วนหนึ่งของเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่มีการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภารวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ อีกทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมระดับต้นๆ ซึ่งแนวโน้มจะส่งผลดีต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาว แต่ปัจจุบันพบว่า ตลาดที่อยู่อาศัยอยู่ในภาวะชะลอตัวต่อเนื่อง โดยยังมีซัพพลายอยู่ในพื้นที่อีกเป็นจำนวนมากที่รอเวลาระบาย

เอกสิทธิ์ งามพิเชษฐ์ นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา เปิดเผยถึงภาพรวมอสังหาฯ ในพื้นที่พัทยาในครึ่งปีหลังปี 2560 ว่า ตลาดในปีนี้ยังคงซึมยาวต่อเนื่องจากช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีคอนโดมิเนียมกว่า 3 หมื่นยูนิต ที่รอการขาย ถือว่าตลาดอยู่ในภาวะโอเวอร์ซัพพลาย ส่วนโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบยังมียอดขายต่อเนื่องเพราะเป็นการสร้างไปขายไป

สำหรับปัญหาตอนนี้คือ ยอดปฏิเสธสินเชื่อค่อนข้างสูงเฉลี่ยอยู่ราว 50-60% ทำให้ไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ โดยคอนโดส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มระดับราคา 6-8 หมื่นบาท/ตารางเมตร (ตร.ม.) ซึ่งพื้นที่ที่มีจำนวนเหลือขายอยู่มาก เช่น ตามแนวถนนจอมเทียนสาย 2 รวมทั้งในซอยที่เป็นย่านไพรม์ ส่วนระดับ 1 แสนบาท/ตร.ม. ไม่ได้รับผลกระทบ

สำหรับตลาดเช่ายังดีแม้จะมี การแข่งขันสูงเนื่องจากจำนวนยูนิตมีมาก โดยจะให้อัตราผลตอบแทน ค่าเช่าที่ประมาณ 5-8% ขึ้นอยู่กับทำเล ทั้งนี้ผู้เช่าส่วนใหญ่ยังคงเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติมีสัดส่วนถึง 70% คนไทย 30%

ด้าน จักรรัตน์ เรืองรัตนากร เลขาสมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ตลาดอสังหาฯ พัทยาในขณะนี้ทั้งดีมานด์และซัพพลายใกล้เคียงกัน คือกำลังซื้อลดลงขณะที่ซัพพลายใหม่ไม่มีเข้าสู่ตลาด โดยกำลังซื้อลดลงถึง 20-25% ขณะที่ซัพพลายคอนโดมากกว่าดีมานด์ 35-40%

ขณะที่โครงการเปิดตัวใหม่ของ ที่อยู่อาศัยแนวราบลดลงกว่า 50% ส่วนคอนโดลดลง 70% ด้านราคาขายแนวราบปรับลดลง 10% เฉลี่ยอยู่ที่ 2.5-5 ล้านบาท คอนโดราคาลดลง 30-40% เฉลี่ยอยู่ที่ 1.8-2.5 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันมีซัพพลาย ที่อยู่อาศัยแนวราบในพื้นที่กว่าหมื่นหน่วย และคอนโดมีกว่า 3 หมื่นยูนิต คาดว่าจะใช้ระยะเวลาการระบายสินค้าคอนโดประมาณ 10-15 ปี หากกำลังซื้อยังซึม แต่ถ้ากำลังซื้อกลับมาฟื้นตัวดีจะใช้เวลา 7-8 ปี ส่วนแนวราบหากกำลังซื้อดีก็จะใช้เวลาระบายสินค้า 2-3 ปี โดยต้องไม่มีซัพพลายใหม่เติมเข้ามา

ทั้งนี้ ประมาณการว่าอสังหาฯ พัทยาอาจใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี ถึงจะฟื้นตัว ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจและกำลังซื้อว่าจะกลับมาเร็วแค่ไหน

ขอบคุณข้อมูล  reic