ศรีราชา ศักยภาพเมืองลองสเตย์ของชาวญี่ปุ่น

“ลองสเตย์” เชียงใหม่ยังฮอต ยุโรป-ญี่ปุ่นแห่พำนักระยะยาว ทุนสวิตเซอร์แลนด์ “วีโว่ เบเน่” ทุ่มกว่า 300 ล้าน ผุดวิลล่าหรูที่อำเภอดอยสะเก็ด รองรับกลุ่มผู้สูงอายุชาวยุโรปกำลังซื้อสูง ชี้แนวโน้มตลาดยุโรปขยายตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ชาวญี่ปุ่นวัยเกษียณ 3,500 คนแห่ปักหลักพักคอนโดฯย่านนิมมานฯ-ห้วยแก้ว วอนรัฐยืดเวลาวีซ่ามากกว่า 1 ปี ด้าน ททท.กรุงโตเกียวหนุนเปิดตลาดลองสเตย์กรุงเทพฯ ศรีราชา หัวหิน ภูเก็ต

นายกฤษดา ขุ่ยอาภัย ผู้จัดการรีสอร์ท บริษัท วีโว่ เบเน่ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า บริษัทได้ลงทุนพัฒนาที่ดินราว 23 ไร่ ที่ตำบลหลวงเหนือ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อก่อสร้างสถานที่พักภายใต้ชื่อ “Vivo bene Village” สำหรับรองรับผู้สูงอายุชาวยุโรปที่เกษียณอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มเฉพาะที่ต้องการเข้ามาพำนักระยะยาวและรักษาพยาบาล โดยเปิดดำเนินการมาได้ราว 2 ปีครึ่ง เป็นการลงทุนของกลุ่มทุนจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ ใช้เงินลงทุนกว่า 300 ล้านบาท

ยุโรปปักหมุดดอยสะเก็ด

ทั้งนี้ กลุ่มทุนชาวสวิสได้ตัดสินใจลงทุนพัฒนาโครงการ Vivo bene Village เพราะเล็งเห็นว่า สังคมผู้สูงอายุชาวยุโรปมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และมีความต้องการเดินทางออกนอกประเทศเพื่อท่องเที่ยวแบบพำนักระยะยาว รวมถึงการรักษาพยาบาล ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่ถือเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพในการลงทุนสูง ในการสร้างสถานที่พักรองรับตลาดลูกค้าผู้สูงอายุชาวยุโรป เนื่องจากมีปัจจัยเด่นหลายด้าน อาทิ ความเป็นเมืองภูเขาที่คล้ายกับยุโรป

นอกจากนี้ ยังเป็นเมืองศูนย์กลางทางการแพทย์ มีโรงพยาบาลหลายแห่งที่มีมาตรฐานระดับสากล แต่มีราคาด้านการรักษาพยาบาลที่ถูกกว่ายุโรป รวมทั้งมีบุคลากรที่มีคุณภาพในการให้บริการ มีค่าครองชีพที่ไม่สูงมากนัก และเป็นเมืองวัฒนธรรม

นายกฤษดากล่าวต่อว่า หลังจากเปิดให้บริการที่ผ่านมา พบว่ากลุ่มลูกค้าเริ่มมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น มีสัดส่วนลูกค้าชาวยุโรป 95% ซึ่งในจำนวนนี้เป็นชาวสวิส 85% ที่เหลือเป็นลูกค้าอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย 10% และอีก 5% เป็นลูกค้ากลุ่มเอเชีย โดยลูกค้าส่วนใหญ่มีระยะเวลาพำนักระยะยาวเฉลี่ยตั้งแต่ 1 เดือน และพำนักยาวที่สุดประมาณ 3 เดือน มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 30-40% และจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงฤดูหนาวของเชียงใหม่ราว 60% เนื่องจากเป็นช่วงที่ประเทศยุโรปมีอากาศที่หนาวจัด ทำให้ผู้สูงอายุนิยมเดินทางมาพำนักระยะยาวที่เชียงใหม่เพิ่มขึ้นในช่วงนั้น

สำหรับโครงการ Vivo bene Village มีจำนวนห้องพัก 80 ห้อง มีอาคารในลักษณะวิลล่า 10% โดย 90% ของห้องพักทั้งหมดออกแบบด้วยมาตรฐานสูง เพื่อรองรับการใช้วีลแชร์ได้ มีสระว่ายน้ำที่สามารถเอาวีลแชร์ลงไปได้ มีศูนย์ออกกำลังกายและดูแลสุขภาพ มีพยาบาลชาวสวิสที่อยู่ประจำ และพยาบาล-ผู้ช่วยพยาบาลชาวไทยคอยดูแลอย่างใกล้ชิด มีห้องอาหาร และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โดยราคาค่าใช้จ่ายเริ่มต้นสำหรับการเข้าพักตั้งแต่ 60,000 บาทต่อเดือน ซึ่งอัตราจะเพิ่มขึ้นตามลำดับการดูแล

ในส่วนของตลาดผู้สูงอายุชาวสวิสถือว่าเป็นลูกค้าหลักและเริ่มขยายตัวมากขึ้นแต่ขณะเดียวกันในปีนี้ก็มุ่งขยายตลาดกลุ่มอื่นๆด้วยที่ไม่เฉพาะยุโรป เช่น อังกฤษ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย รวมถึงตลาดเอเชียที่จะต้องเพิ่มสัดส่วนกลุ่มลูกค้าให้มากขึ้น

ทั้งนี้ ในภาพรวมของลองสเตย์เชียงใหม่ ทางบริษัทยังมีความมั่นใจว่ามีโอกาสขยายตัวสูง เนื่องจากดีมานด์ของกลุ่มผู้สูงอายุทั้งในยุโรปและประเทศอื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้น และเชียงใหม่เป็นเป้าหมายที่ผู้บริโภคกลุ่มนี้ต้องการมาพำนักระยะยาว ซึ่งคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุน (Break Even) ภายในระยะเวลา 5-10 ปี

ญี่ปุ่นพำนักเชียงใหม่ 3,500 คน

นายยาซูจิ ซูซูกิ (Yasuji Suzuki) ประธานชมรมเชียงใหม่ลองสเตย์ ไลฟ์ คลับ (Chiang Mai Longstay Life Club) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จังหวัดเชียงใหม่ยังคงเป็นเป้าหมายสำหรับผู้สูงอายุวัยเกษียณชาวญี่ปุ่นที่ต้องการมาพำนักระยะยาว เนื่องจากเชียงใหม่อากาศดี ค่าครองชีพถูก ปัจจุบันมีชาวญี่ปุ่นที่ลงทะเบียนถูกต้อง อาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ประมาณ 3,500 คน ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเขตตัวเมืองเชียงใหม่ โดยเฉพาะย่านถนนนิมมานเหมินท์และถนนห้วยแก้ว ถือเป็นย่านอาศัยหลักของชาวญี่ปุ่น และกลายเป็นย่านเศรษฐกิจ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ และใกล้สถานพยาบาลหลายแห่ง โดยนิยมพักอยู่คอนโดมิเนียม ซึ่งไลฟ์สไตล์ของชาวญี่ปุ่นชอบความสะดวกสบาย รักอิสระ

อย่างไรก็ตาม พบว่ายังคงมีปัญหาหลายด้านที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของชาวญี่ปุ่น ที่สะท้อนผ่านสมาชิกของชมรมที่มีจำนวนราว 150 คน และต้องการให้หน่วยงานภาครัฐเร่งแก้ไข โดยเฉพาะปัญหาเรื่องวีซ่าที่ต้องการให้ยืดระยะเวลามากกว่า 1 ปี เทียบกับมาเลเซียที่ให้ระยะเวลาวีซ่าได้ 10 ปี ขณะเดียวกันอยากให้สามารถเปิดจองการต่ออายุวีซ่าได้ เนื่องจากการต่อวีซ่ามีขั้นตอนที่ยุ่งยากและใช้เวลานาน

นอกจากนั้นปัญหาการข้ามถนนของชาวญี่ปุ่นในจังหวัดเชียงใหม่ก็ถือเป็นอีกปัญหาสำคัญเนื่องจากในย่านสำคัญไม่มีทางข้ามหรือสะพานลอยทำให้ในช่วง2 ปีที่ผ่านมาเกิดอุบัติเหตุรถชนชาวญี่ปุ่นได้รับบาดเจ็บหลายครั้ง จึงอยากให้ภาครัฐให้ความสำคัญเรื่องสะพานลอยและทางข้ามให้มาก เพื่อลดอุบัติเหตุ

ททท.กรุงโตเกียวหนุนเปิดตลาด

ด้านนางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการ สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กรุงโตเกียว เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2560 ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคเอเชียตะวันออก และ ททท.กรุงโตเกียว ได้จัดกิจกรรม Chiang Mai Long Stay Forum ครั้งที่ 4 ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยนำชาวญี่ปุ่นที่มีความสนใจในการมาพำนักระยะยาวที่เชียงใหม่จำนวน 35 ราย เดินทางมาจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นกลุ่มที่เพิ่งเริ่มออกเดินทางลองสเตย์เป็นครั้งแรก (First Visit Long Stay) เพื่อร่วมกิจกรรมสำรวจสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว รวมถึงสถานประกอบการที่มีความเกี่ยวเนื่องกับการพำนักระยะยาว

โดยกิจกรรมนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มพำนักระยะยาวจากประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการเดินทางเป็นการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับประเทศไทยว่ามีสินค้าและบริการที่เหมาะสมกับกลุ่มผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่นและกระตุ้นให้ผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่นเดินทางมาพำนักระยะยาวที่ประเทศไทย โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ และมีการใช้จ่ายเงินในประเทศไทยให้มากขึ้น

ปัจจุบันเชียงใหม่ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางในการพำนักระยะยาวของชาวญี่ปุ่นซึ่งประเทศญี่ปุ่นมีสัดส่วนประชากรอายุเกิน60ปีประมาณ 30% ของประชากรทั้งหมด และคาดว่าอีก 10 ปีจะเพิ่มขึ้นถึง 50% ดีมานด์จะมีมากในอนาคต

นอกจากเชียงใหม่จะมีศักยภาพสูงในการเป็นเมืองลองสเตย์ของชาวญี่ปุ่นแล้ว ยังมีพื้นที่อื่น ๆ ที่มีศักยภาพ ซึ่ง ททท.กรุงโตเกียวจะส่งเสริมตลาดเหล่านี้ไปพร้อม ๆ กัน เช่น กรุงเทพฯ ชลบุรี (ศรีราชา) ภูเก็ต ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน)

ขอบคุณข้อมูล prachachat