รายงานข่าวจากเมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น – มาสด้า มอเตอร์ คอปอร์เรชั่น ได้ประกาศในวันนี้ว่าจะมีการเพิ่มปริมาณกำลังการผลิตเครื่องยนต์ต่อปีของโรงงานประกอบเครื่องยนต์ที่โรงงาน มาสด้า พาวเวอร์เทรน เมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด หรือ MPMT ที่ตั้งอยู่ใน จ.ชลบุรี โดยจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 122,000 เครื่อง ภายในครึ่งปีแรกของปี 2561 นอกจากนี้ยังได้ประกาศแผนลงทุนเพื่อสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์ใหม่ โดยเครื่องจักรที่มีความแม่นยำสูง ซึ่งจะมีกำลังการผลิตเทียบเท่ากับกำลังการผลิตของโรงงานประกอบเครื่องยนต์ในปัจจุบัน
สำหรับกำลังการผลิตต่อปีของโรงงานประกอบเครื่องยนต์ที่ MPMT ซึ่งเริ่มสายการผลิตอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2558 มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 30,000 หน่วยต่อปี โดยโรงงานแห่งนี้ประกอบเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล ขนาด 1.5 ลิตร และเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 1.3 ลิตร เพื่อป้อนให้กับโรงงาน ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) หรือ เอเอที สำหรับทำการผลิตในรถยนต์มาสด้า2
มาสด้าได้ลงทุนมูลค่ากว่า 22.1 พันล้านเยน (หรือประมาณ 7,200 ล้านบาท) ในการเพิ่มกำลังการผลิตของโรงงานประกอบเครื่องยนต์เป็น 122,000 เครื่องต่อปี โดยทางมาสด้าจะก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่สำหรับการขึ้นรูปผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์ด้วย เพื่อขยายสายการผลิตให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น อันประกอบด้วย โครงสร้างตัวถัง เครื่องยนต์ และระบบส่งกำลัง
โดยจะเพิ่มสายการผลิตเครื่องยนต์เบนซินสกายแอคทีฟ ขนาด 2.0 ลิตร เพื่อทำการส่งออกเครื่องยนต์ดังกล่าวไปยังฐานการผลิตในกลุ่มประเทศอาเซียน อันได้แก่ มาเลเซีย และเวียดนาม
ด้านนายมาซาโตชิ มารุยามา Managing Executive Officer ผู้รับผิดชอบส่วนงานการผลิตระดับโลก (Global Production) ของมาสด้า มอเตอร์ คอปอร์เรชั่น กล่าวว่า “ การขยายกำลังการผลิตในประเทศไทยนั้นนับเป็นนโยบายหลักของเราในความพยายามที่ จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่สายการผลิตทั่วโลก ด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตเครื่องยนต์และการสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนเครื่อง ยนต์ใหม่ตามแผนงานที่กำหนด พร้อมคุณภาพที่ได้รับประกันนี้ มาสด้ามีความตั้งใจที่จะพัฒนาต่อยอดโรงงาน MPMT ให้กลายเป็นฐานการผลิตแห่งแรกนอกประเทศญี่ปุ่นสำหรับการส่งออกเครื่องยนต์ ซึ่งจะช่วยยกระดับเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตระดับโลกของมาสด้า และส่งเสริมความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย”
*บริเวณสีเทาอ่อนในภาพ คือ โรงงานผลิตเครื่องยนต์ใหม่
ขอบคุณข้อมูล : ประชาชาติธุรกิจ