“ปราจีนบุรี” ดันอุตสาหกรรมเต็มสูบ เพิ่มผังเมืองสีม่วง-เครือข่ายโลจิสติกส์

จังหวัดปราจีนบุรีเป็น 1 ใน 9 จังหวัดที่คณะรัฐมนตรีกำหนดการพัฒนาในรูปแบบ “ซูเปอร์คลัสเตอร์” ด้วยศักยภาพการพัฒนาสินค้าไทยให้เกิดการแข่งขันได้ จากการต่อยอดจาก 5 อุตสาหกรรมเดิมที่เรียกว่า First S-Curve ประกอบด้วย 1.อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ 2.อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ 3.อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 4.การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ และ 5.อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร ไปสู่ New S-Curve ประกอบด้วย 1.อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ 2.อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ 3.อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพ และเคมีชีวภาพ 4.อุตสาหกรรมดิจิทัล และ 5.อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร

ข้อมูลจากสภาอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรีระบุว่า (วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2560) ปัจจุบันมีโรงงานจำนวน 919 โรง คนงาน 82,564 คน จำนวนเงินลงทุน 290,386 ล้านบาท เป็นที่ตั้งของเขตประกอบการอุตสาหกรรม 1 แห่ง คือ เขตประกอบการอุตสาหกรรมกบินทร์บุรี ตั้งอยู่ในอำเภอกบินทร์บุรี พื้นที่ 2,563 ไร่ 72 โรงงาน สวนอุตสาหกรรม 3 แห่ง คือ สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง ตั้งอยู่ใน อ.กบินทร์บุรี พื้นที่ 2,068 ไร่ 35, โรงงาน 304 อินดัสเตรียลปาร์ค ตั้งอยู่ใน อ.ศรีมหาโพธิ พื้นที่ 7,500 ไร่ 124, โรงงานโรจนะ อินดัสเตรียลแมเนจเม้นท์ ตั้งอยู่ใน อ.ศรีมหาโพธิ พื้นที่ 3,998 ไร่ 8 โรงงาน และนิคมอุตสาหกรรม 1 แห่ง คือ นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค กบินทร์บุรี ตั้งอยู่ใน อ.กบินทร์บุรี พื้นที่ 1,075 ไร่ 6 โรงงาน

ยังระบุอีกว่า สภาพเศรษฐกิจจังหวัดปราจีนบุรีในไตรมาส 3 ปี 2559 อุตสาหกรรมที่มีผลิตภัณฑ์มวลรวมสูง 3 อันดับแรก ได้แก่ 1.สาขาการอุตสาหกรรม มีมูลค่า 149,170 ล้านบาท หรือร้อยละ 81.40 ของ GPP 2.การขายส่ง การขายปลีก การซ่อมแซมยานยนต์ จักรยานยนต์ ของใช้ส่วนบุคคล และของใช้ในครัวเรือนมีมูลค่า 12,714 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.9 ของ GPP 3.สาขาบริหารราชการ และการป้องกันประเทศ รวมทั้งการประกันสังคมภาคบังคับ มีมูลค่า 3,703 ล้านบาท หรือร้อยละ 3 ของ GPP

เพื่อตอบรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมในปราจีนบุรี แผนของจังหวัดจึงเดินเครื่องการพัฒนาอย่างเต็มสูบไม่ว่าจะเป็นการปรับแก้ผังเมืองขยายพื้นที่สีม่วง การเตรียมพร้อมสาธารณูปโภค โดยเฉพาะแผนการขยายถนนเกือบทุกสายเข้า-ออกสู่เมืองปราจีนบุรี

เพิ่มพื้นที่สีม่วง 60% รับลงทุน

“ชาญชัย จินดาสถาพร” รองประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรีให้สัมภาษณ์ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า โครงการลงทุนในส่วนของภาคอุตสาหกรรมในปี 2560 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยหากดูจากสถิติเมื่อปี 2559 ที่ผ่านมา มีจำนวนโรงงานที่ประกอบกิจการใหม่เพิ่มขึ้น 61 โรงงาน เงินลงทุนมากกว่า 17,000 ล้านบาท คาดการณ์ว่าในปี 2560 จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นของโรงงานในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการที่มีพื้นที่อุตสาหกรรมที่รองรับนักลงทุนรวมถึงทำเลที่ตั้งของจังหวัดปราจีนบุรีเหมาะสมในด้านการคมนาคมติดต่อกับภาคกลางภาคตะวันออกภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างสู่ชายแดนกัมพูชา และเชื่อมโยงกับท่าเรือน้ำลึก สนามบินนานาชาติ

ทั้งนี้ การขยายฐานการผลิตของบริษัทฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) มายังจังหวัดปราจีนบุรี ทำให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องก็ได้ขยายการผลิตมายังพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรีมากขึ้น ซึ่งรวมถึงกลุ่มอุตสาหกรรมเดิมในพื้นที่ที่ได้รับประโยชน์จากยอดคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น รวมถึงอุตสาหกรรมพลาสติก ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ แม้ภายในประเทศจะมีเกณฑ์ภาษีรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น แต่ฐานของผู้บริโภคของอุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดในต่างประเทศ

“จุดแข็งความได้เปรียบของเราคือการขยายผังเมืองสีม่วงเพิ่มขึ้นจะปรับผังเมืองเปลี่ยนจากที่ดินประเภทชนบท และเกษตรกรรม (สีเขียว) เป็นที่ดินประเภทอุตสาหกรรมและคลังสินค้า (สีม่วง) ใน 4 ตำบล อำเภอศรีมหาโพธิ และ 2 ตำบล อำเภอกบินทร์บุรี เพิ่มจากเดิมประมาณ 60% ซึ่งส่วนมากเป็นพื้นที่ที่ติดเขตอุตสาหกรรมเดิมอยู่แล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่จังหวัดจะนำเสนอไปที่ส่วนกลาง คาดว่าจะประกาศใช้ผังเมืองใหม่ได้ประมาณปี 2561-2562 อีกทั้งราคาที่ดินยังจับต้องได้ อยู่ที่ไร่ละ 200,000-1,000,000 บาท นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมโยงกับระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก และที่สำคัญคือ ภาคประชาชนของปราจีนบุรีไม่หัวรุนแรงเท่าจังหวัดอื่น”

สร้างถนน 5.5 พันล้านบาท

เพื่อให้การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของจังหวัดปราจีนบุรีสอดคล้องและเชื่อมโยงกับระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งหลักของประเทศสามารถรองรับการลงทุนด้านอุตสาหกรรมตามกลุ่มซูเปอร์คลัสเตอร์ทางจังหวัดได้ทำแผนเสนอต่อกระทรวงคมนาคมทั้งหมด5 โครงการ รวมมูลค่า 5,580 ล้านบาท ได้แก่

1.ขยายทางหลวงหมายเลข 3079 เป็นช่วงๆ ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร ให้เป็น 4 เลนครบทั้งสายทาง วงเงิน 100 ล้านบาท 2.ขยายทางหลวงหมายเลข 33 ระยะทาง 30 กิโลเมตร วงเงิน 900 ล้านบาท ขั้นตอนอยู่ระหว่างออกพระราชกฤษฎีกาในการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 3.ขยายทางหลวงหมายเลข 3070 ตอน ศรีมโหสถ-ศรีมหาโพธิ ระยะทาง12.4 กิโลเมตร ปัจจุบันเป็นเส้นทางเชื่อมโยงทางหลวงหมายเลข 319 กับทางหลวงหมายเลข 3070 และทางหลวงหมายเลข 3078 ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งของโรงงานในเขตอุตสาหกรรม 304 และ เขตอุตสาหกรรมโรจนะ เป็น 4 เลนตลอดสายเพื่อระบายการจราจรบริเวณเขตอุตสาหกรรม วงเงิน 380 ล้านบาท

4.ก่อสร้างทางหลวงเป็น 4 ช่องจราจร ทางหลวงหมายเลข 319 ตอน ปราจีนบุรี-พนมสารคาม เป็นช่วง ๆ ระยะทาง 38 กิโลเมตร ซึ่งปัจจุบันเป็นทางหลวงเชื่อมโยง จังหวัดนครนายก- จังหวัดปราจีนบุรี-จังหวัดฉะเชิงเทรา ไปสู่ท่าเรือแหลมฉบัง และเป็นเส้นทางขนส่งวัสดุไปสู่นิคมอุตสาหกรรม 304 วงเงิน 1,700 ล้านบาท คาดจะได้งบประมาณ ปี 2561 และ 5.ทางหลวงหมายเลข 3481 ตอน คลองหลวงแพ่ง-ปราจีนบุรีปัจจุบันเป็นเส้นทางเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-จังหวัดฉะเชิงเทรา-จังหวัดปราจีนบุรีเป็นเส้นทางจากจังหวัดปราจีนบุรีสู่กรุงเทพมหานครที่ใกล้มากที่สุดปรับปรุงให้เป็นทาง 4 ช่องจราจรตลอดสายทาง วงเงิน 2,500 ล้านบาท

“ถ้าทำได้ขนาดนี้มองว่าจังหวัดจะโตขึ้น ไม่น่าจะต่ำกว่า 30%” รองประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรีกล่าว

จ่อลงทุนนิคมบ่อทอง

ด้าน “ทิวา วัชรกาฬ” รองผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี ย้ำอีกว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและปทุมธานีในปี 2554 โรงงานอุตสาหกรรมได้ขยายเข้ามาสู่จังหวัดปราจีนบุรีมากขึ้น ทำให้เศรษฐกิจภาพรวมสูงขึ้น วันนี้จังหวัดได้เร่งดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยการขยายถนนจาก 2 เลน เป็น 4 เลน โดยเฉพาะอำเภอศรีมหาโพธิ และกบินทร์บุรี นอกจากนี้จังหวัดมีอ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา ที่จะช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมในเขตอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอำเภอกบินทร์ ซึ่งจะทำให้ภาคเอกชนมีความเชื่อมั่นและเข้ามาลงทุนมากขึ้น ล่าสุดมีเอกชนกำลังจะเข้ามาเปิดนิคมแห่งใหม่ คือ นิคมบ่อทอง 33 บริเวณอำเภอกบินทร์บุรี ขณะนี้อยู่ระหว่างการขออนุญาต โดยมีโรงงานอุตสาหกรรมสนใจเข้ามาลงทุนแล้วกว่า 20 โรงงาน

ด้วยแผนทั้งหมดนี้ทำให้ภาพการพัฒนาเริ่มชัดเจนมากขึ้น นับว่าเป็นการออกสตาร์ตที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง

Cr.ประชาชาติ