สนช.มีมติเอกฉันท์ ผ่านร่างก.ม.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก

-12 ต.ค.60-ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติในวาระที่ 3 เห็นสมควรประกาศใช้ร่างพระราชบัญญัติสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (ฉบับที่…) พ.ศ.. เป็นกฎหมาย ด้วยคะแนนเสียง เห็นด้วย 197 เสียง ไม่เห็นด้วย ไม่มี งดออกเสียง 3 เสียง โดยร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝาก พ.ศ.2551 อาทิ ยกเลิกการให้ผู้ฝากเงินมายื่นขอรับเงินภายหลังจากที่สถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาตโดยให้สถาบันคุ้มครองเงินฝากจ่ายคืนเงินฝากแก่ผู้ฝากเงินตามจำนวนเงินฝากที่ปรากฎในบัญชีของผู้ฝากเงินทุกบัญชีรวมกัน โดยหักหนี้ทั้งจำนวนที่ผู้ฝากเงินมีกับสถาบันการเงินดังกล่าวออกจากเงินฝากก่อน

กำหนดให้สาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทยเพื่อประโยชน์ในการชำระบัญชี และกำหนดให้กรรมการในคณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินซึ่งเสนอชื่อโดยสถาบันคุ้มครองเงินฝาก มีหน้าที่แจ้งข้อมูลการดำเนินการของคณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินต่อสถาบันคุ้มครองเงินฝาก

รวมถึงเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของสถาบันคุ้มครองเงินฝากให้ครอบคลุมการกู้ยืมเงิน นอกเหนือจากการออกตราสารทางการเงินเพื่อใช้จ่ายคืนเงินฝากแก่ผู้ฝากเงิน และปรับปรุงหน้าที่ของคณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินให้รายงานผลการดำเนินงานต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นรายครึ่งปี

พร้อมกันนี้ในที่ประชุม สนช.เห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง สนช.ที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัตินี้ ควรให้ความสำคัญต่อกระบวนการหักหนี้ก่อนจ่ายเงินให้แก่ผู้ฝากเงินมาตรา 53 โดยต้องจัดให้มีแผนการดำเนินงานที่ชัดเจนเพื่อให้สามารถคืนเงินฝากดังกล่าวแก่ผู้ฝากเงินได้ในระยะเวลารวดเร็วที่สุด ซึ่งจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบสถาบันการเงิน รวมทั้งเป็นการป้องกันและหยุดความตื่นตะหนกของประชาชนอันอาจจะส่งผลสู่วิกฤตทางการเงินในวงกว้าง นอกจากนี้รัฐบาลควรมีการทบทวนกฎหมายต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองเงินฝากของประชาชนผู้ฝากเงินเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมต่อวิกฤตการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต

ขอบคุณข้อมูล : thansettakij