“สมคิด” ควง 5 รัฐมนตรีโรดโชว์ญี่ปุ่น ดีลตรง 8 ยักษ์ธุรกิจใหม่ อุปกรณ์การแพทย์, แบตเตอรี่, ชีวภาพและชิ้นส่วนรถยนต์ ปักธงลงทุนไทย มั่นใจ EEC คือกุญแจปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นศูนย์กลางเชื่อม CLMV, อาเซียน เจโทรโชว์ผลสำรวจนักลงทุนยุ่นเรียกร้องขยายสิทธิ์ลดภาษี 50% หลังปี 2560
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และทีมรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ 5 กระทรวง จะเดินทางไปโรดโชว์แผนการลงทุนระบบราง และเมกะโปรเจ็กต์ในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) และร่วมประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงระหว่างไทย-ญี่ปุ่น (Thailand-Japan High Level Joint Commission : HLJC) ครั้งที่ 3 พร้อมปาฐกถาในการประชุม Nikkei Forum ระหว่างวันที่ 4-8 มิ.ย. 60
ดึง 8 ยักษ์ญี่ปุ่นลงทุนในไทย
ในการนี้ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) จัดให้นายสมคิดและทีมรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เจรจาตรงกับบริษัทเอกชนญี่ปุ่นรายใหญ่ 8 บริษัท เพื่อดึงมาลงทุนในเขตอีอีซี
นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการ BOI กล่าวว่า การเดินทางไปโรดโชว์ญี่ปุ่นครั้งนี้จะได้หารือกับ 4 บริษัทรายใหญ่ โดย 2 รายเป็นนักลงทุนที่เคยเข้ามาลงทุนในไทยและมีแผนจะขยายไปยังผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) ส่วนอีก 2 รายเป็นนักลงทุนรายใหม่ที่ไม่เคยเข้ามาลงทุนในไทยมาก่อน
“เป้าหมายของเราก็คือ ต้องดึงโครงการลงทุนออกมาให้ได้ เพราะเขาเป็นธุรกิจใหม่อย่าง ไบโอชีวภาพ ใช้วัตถุดิบจากเกษตร” นางหิรัญญากล่าว
สำหรับบริษัทญี่ปุ่นทั้ง 4 บริษัทที่ BOI ตั้งเป้าที่จะให้มาลงทุนในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ประกอบไปด้วย 1) บริษัท Kyocera Corporation ผู้ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์การแพทย์ที่เป็น Advance Materials โดย BOI มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub) ซึ่งถือเป็น 1 ในคลัสเตอร์สำคัญ สิทธิประโยชน์ที่ได้รับในปัจจุบันจะอยู่ในกลุ่ม A1 A2 ได้รับ “ยกเว้น” ภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปีไม่จำกัดวงเงิน และ “ยกเว้น” ภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปีแบบจำกัดวงเงินตามลำดับ
2) บริษัท Spiber Inc. เป็น Startup ผู้ผลิต Bio-based Advenced Meterial จัดอยู่ในกลุ่มคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ 3) บริษัท Subaru Corporation ผู้ผลิตรถยนต์ซูบารุ ปัจจุบันมีโรงงานประกอบรถยนต์อยู่ในประเทศมาเลเซีย และ 4) บริษัท Panasonic Corporation ผู้ผลิตแบตเตอรี่รถไฟฟ้าและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ BOI ให้การส่งเสริมการลงทุนตามประเภทกิจการผลิตอุปกรณ์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าประเภทผลิตแบตเตอรี่และกิจการผลิตระบบบริหารจัดการแบตเตอรี่ (BMS) โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ในกลุ่ม A2 ได้รับ “ยกเว้น” ภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปีแบบจำกัดวงเงิน แต่ถ้ายื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่อีอีซี ก่อนวันที่ 20 ธันวาคม 2560 จะได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่ได้จากการลงทุนในอัตราร้อยละ 50 ของอัตราปกติเป็นระยะเวลา 5 ปีเพิ่มเติมจากเกณฑ์ปกติด้วย
นอกจากนั้น นายสมคิดมีกำหนดการที่จะหารือกับนาย Teisuke Kitayama กรรมการธนาคาร SMBC, ผู้บริหารจากบริษัท UACJ ผู้ผลิตอะลูมิเนียมรายใหญ่ของญี่ปุ่น, บริษัท Fuji Film, บริษัท Toyata Tsusho
หารือนายกฯญี่ปุ่น-เจโทร
สำหรับโปรแกรมที่เป็นทางการนั้น นายสมคิดมีกำหนดการเข้าเยี่ยมคารวะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น แล้วร่วมรับประทานอาหารกับกลุ่ม ส.ส.รุ่นใหม่ของพรรค LDP และกล่าวปาฐกถาในการสัมมนาร่วมกันระหว่างสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กับองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO)ทั้งนี้ เพื่อให้การร่วมมือทางธุรกิจระหว่างไทย-ญี่ปุ่น ในเขตอีอีซีมีความเป็นรูปธรรม ยกระดับโครงสร้าง 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 จึงมีการลงนามในบันทึกแสดงเจตจำนงในการทำความร่วมมือด้านอุตสาหกรรม ร่วมกับกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรมแห่งญี่ปุ่นด้วย
สาระส่วนหนึ่งของบันทึกเจตจำนงระบุว่า “ฝ่ายญี่ปุ่นให้ข้อสังเกตว่า การปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคที่ 4 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกลุ่มอุตสาหกรรมหลายกลุ่ม แนวคิดการเชื่อมโยงอุตสาหกรรมต่าง ๆ เป็นสิ่งสำคัญในการยกระดับโครงสร้างอุตสาหกรรมของประเทศไทย โดยมีกุญแจสำคัญคืออีอีซี ที่มุ่งเน้นความเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานระหว่างไทย กับประเทศในกลุ่มแม่น้ำโขง อาเซียน และภูมิภาคอื่น ๆ ของโลก”
โดยฝ่ายญี่ปุ่นจะส่งเสริม “โครงการนำร่อง” ของบริษัทญี่ปุ่น ที่จะสนับสนุนให้เกิดมูลค่าเพิ่มที่สูงขึ้นในอุตสาหกรรมที่มีศูนย์กลางในอีอีซี
เจโทรเช็กเสียง 48 บริษัท
องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือเจโทร กรุงเทพฯ ร่วมกับสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ได้จัดเก็บข้อมูลเร่งด่วนด้วยแบบสอบถามเรื่อง “ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก” หรืออีอีซี โดยได้ส่งแบบสอบถามไปยังบริษัทที่อยู่ในคณะกรรมการบริหารหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ หรือเจซีซี ทั้งหมด 48 บริษัท ตั้งแต่ 26 เมษายน-3 พฤษภาคม 2017 ซึ่งมีบริษัทผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 28 บริษัท
นายฮิโรคิ มิตสึมาตะ ประธานเจโทร กรุงเทพฯ ได้แถลงผลการเก็บข้อมูลระบุว่า มี 24 บริษัทได้ขยายธุรกิจไปยังเขตอีอีซีเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ ผลิตรถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ เคมี กระดาษ ผลิตภัณฑ์อาหาร เหล็ก รวมไปถึงบริษัทค้าปลีก ธนาคาร และประกันภัย
ขอยืดลงทุนรับสิทธิลดภาษี 50%
ทั้งนี้ ได้มีการสอบถามไปยังบริษัทญี่ปุ่นที่มาเปิดในประเทศไทย โดย 22 บริษัทระบุว่ามาตรการสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนในเขตอีอีซีของรัฐบาลไทยมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะมาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 15 ปี และการลดภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เป็นเวลา 5 ปีหลังจากลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล
นอกจากนี้ นักลงทุนญี่ปุ่นมองว่าการลงทุนสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานในเขตอีอีซี เช่น ท่าเรือแหลมฉบัง สนามบินอู่ตะเภา และการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-ระยอง จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ รวมไปถึงการผ่อนปรนขั้นตอนขอใบอนุญาตและการเพิ่มความรวดเร็วในขั้นตอนหน่วยงานรัฐ
นักลงทุนญี่ปุ่นยังเรียกร้องด้วยว่า ต้องการขยายเวลารับสิทธิประโยชน์จากการยี่นเอกสารขอลงทุนภายในปี 2560 เพื่อได้สิทธิลดภาษีนิติบุคคล 50% ออกไปอีกเล็กน้อย
นายมิตสึมาตะชี้ว่า นักลงทุนญี่ปุ่นได้มีข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลไทยในการปรับปรุงด้านต่าง ๆ เพื่อที่จะสามารถลงทุนได้อย่างมั่นใจ คือ ต้องการให้รัฐบาลรับประกันนโยบายในระยะยาวต่อนักลงทุน เนื่องจากมีความกังวลว่าการลงทุนจะมีความคืบหน้าตามที่รัฐบาลคาดหวังหรือไม่
“การจะสร้างความมั่นใจในระยะยาวให้เกิดขึ้นได้ คือเรื่องของสาธารณูปโภคทางด้านคมนาคม บริษัทญี่ปุ่นทั้งหลายไม่ค่อยคาดหวังว่าเอกชนจะมีบทบาทเท่ารัฐบาล ดังนั้นในโครงสร้าง PPP ซึ่งทางรัฐบาลอยากให้เอกชนลงทุนฝ่ายละเท่ากัน บริษัทญี่ปุ่นเห็นว่ารัฐบาลน่าจะลงทุนเอง 100% ได้หรือไม่” นายมิตสึมาตะกล่าว
นายมิตสึมาตะยังเสริมว่า สุดท้ายแล้ว สิ่งที่ผู้ประกอบการญี่ปุ่นอยากเห็นที่สุดคือ ภาพของอีอีซีที่ชัดเจน ซึ่งจะสามารถการันตีและสร้างความมั่นใจในการลงทุนได้ และหากด้านโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐานสามารถทำออกมาได้ดี แน่นอนว่าจะมีบริษัทญี่ปุ่นให้ความสนใจและมาลงทุนเพิ่มเติมอย่างแน่นอน
ขอบคุณข้อมูล prachachat
บ้านดี (Baan-D)
บ้านดีดอทคอม ศูนย์รวมข้อมูลบ้านและคอนโด พร้อมรีวิวเจาะลึกโครงการฯ วิเคราะห์ทำเลที่พักอาศัย และอัพเดทข่าวสารในแวดวงอสังหาฯ
“บ้านดี - สื่อกลางสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อและขายบ้าน รวมถึง อสังหาริมทรัพย์เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยอย่างครบวงจร”
บ้านดี (Baan-D)
บ้านดีดอทคอม ศูนย์รวมข้อมูลบ้านและคอนโด พร้อมรีวิวเจาะลึกโครงการฯ วิเคราะห์ทำเลที่พักอาศัย และอัพเดทข่าวสารในแวดวงอสังหาฯ
“บ้านดี - สื่อกลางสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อและขายบ้าน รวมถึง อสังหาริมทรัพย์เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยอย่างครบวงจร”
Copyright © 2018 Baan-D.com. All rights reserved.
Copyright © 2018 Baan-D.com. All rights reserved.