นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2562 ประกอบด้วยชุดมาตรการ 3 ชุด คือ
1. มาตรการลดภาระการซื้อที่อยู่อาศัย ในโครงการ “บ้านดีมีดาวน์” โดยรัฐบาลจะช่วยผ่อนดาวน์ (Cash Back) จำนวน 50,000 บาท ต่อราย ผู้มีสิทธิ์ต้องมีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อเดือน หรือไม่เกิน 1,200,000 บาทต่อปี ผู้ที่อยู่ในระบบฐานภาษีอากรของกรมสรรพากร จำกัดจำนวนผู้ได้รับสิทธิ์ จำนวน 100,000 ราย ใครมาก่อนได้ก่อน ระยะเวลาโครงการตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย. 62 – 31 มี.ค. 63
ทั้งนี้ ผู้ซื้อที่มีการซื้อและทำนิติกรรมบ้านแล้วเสร็จ ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย. 62 มีสิทธิ์ได้รับเงินดาวน์คืน แต่จะต้องไปลงทะเบียนในเว็บไซต์ WWW.บ้านดีมีดาวน์.COM ตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค. 62 เป็นต้นไป และจะต้องลงทะเบียนให้ทันใน 100,000 รายถึงจะได้เงินดาวน์คืน และรอเอสเอ็มเอสยืนยันสิทธิ์จากกรมการปกครองและกรมสรรพากร และนำเอสเอ็มเอสไปขอรับเงินดาวน์คืน
โครงการนี้ให้สิทธิ์กับผู้ยื่นขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยกับทุกธนาคารทั้งเฉพาะกิจของรัฐและพาณิชย์ แต่กำหนดให้เป็นบ้านใหม่ที่ซื้อจากผู้ประกอบการเท่านั้น ซึ่งมีเหลืออยู่ในระบบ 270,000 ยูนิต โครงการนี้จะใช้งบประมาณ 5,000 ล้านบาท โดยจะเป็นการคืนเงินผ่านพร้อมเพย์ มีธนาคารอาคารสงเคราะห์เป็นผู้ดำเนินการคืนเงินให้
2. มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว โดยการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ปีการผลิต 2562/63 ที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2562 กับกรมส่งเสริมการเกษตร ไร่ละ 500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท จะมีครัวเรือนที่ได้รับสิทธิ์ 4.57 ล้านครัวเรือน โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือจนถึง 30 ก.ย. 63 ผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะเป็นผู้ดำเนินการทดลองจ่ายให้ก่อน 28,000 ล้านบาท และรัฐบาลจะตั้งงบประมาณมาชดเชยในภายหลัง
3. เพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ปีงบประมาณ พ.ศ.2563 มี 3 โครงการย่อย คือ
1.จัดสรรเงินให้แก่กองทุนหมู่บ้าน และชุมชนเมืองที่ได้รับการประเมินอยู่ในระดับ A B และ C จำนวน 71,742 แห่ง แห่งละไม่เกิน 200,000 บาท ผ่านสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติภายใต้วงเงินรวม 14,348 ล้านบาท ใช้ลงทุน เช่น ยุ้งฉางชุมชน โรงตากพืชผลทางการเกษตร โรงสีชุมชน โรงงานผลิตปุ๋ยประจำชุมชน การจัดทำแหล่งเก็บน้ำชุมชน เครื่องจักรสำหรับแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร เป็นต้น
2. โครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อวงเงินรวม 50,000 ล้านบาท ให้กับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง เพื่อเป็นค่าลงทุนในการดำเนินกิจการและเป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ โดยคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.01% ต่อปี เป็นระยะเวลา 3 ปี ระยะเวลาโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 62 ถึงวันที่ 30 พ.ย. 65
3.โครงการพักชำระหนี้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองตามความสมัครใจ โดยจะพักเงินต้นเป็นเวลา 1 ปี ใช้งบประมาณจากกองทุนหมู่บ้าน ไม่ได้ใช้งบประมาณรัฐ
นายอุตตม กล่าวว่า มาตรการทั้งหมดจะใช้เงินงบประมาณ 33,000 ล้านบาท จากโครงการบ้านดีมีดาวน์ และการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว แต่จะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 80,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจในไตรมาส 4/2562 ขยายตัวดีขึ้นจากไตรมาส 3/2562 ที่ขยายตัวได้ 2.4% แต่จะขยายตัวได้เท่าไหร่ ต้องประเมินผลอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งหลังจากนี้รัฐบาลจะติดตามภาวะเศรษฐกิจต่อเนื่อง เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนสูง กระทบกับเศรษฐกิจไทย ทำให้มีความเสี่ยง ดังนั้น จึงต้องมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศมากที่สุด เพื่อลดผลกระทบจากภายนอกประเทศ