4 เคล็ดลับที่จะทำให้การกู้บ้านของคุณง่ายขึ้น
เคล็ดลับที่ 1 ตรวจสอบกำลังในการกู้ ด้วยการ “คำนวณ” จากหลักของการกู้ทั่วไปมีอยู่ว่า “ผู้กู้สามารถแบกรับภาระได้ไม่เกิน 40% ของรายได้เท่านั้น”
ตัวอย่าง : ผู้กู้มีเงินเดือน 15,000 บาท จะสามารถผ่อนบ้านได้สูงสุดคือ 15,000 x 40% = 6,000 บาท
ที่สำคัญผู้กู้ต้องไม่มีหนี้สินผ่อนชำระอื่น ๆ หากมีหนี้สินอื่น ๆ จะทำให้ผู้กู้เหลือความสามารถในการผ่อนบ้านต่อเดือนลดลงตามจำนวนเงินของหนี้สินอื่นๆที่มี
ระยะเวลาในการผ่อนชำระ วงเงินที่สามารถกู้ได้ ตัวอย่าง (6,000 บาท)
15 ปี 647,000 บาท
20 ปี 744,000 บาท
25 ปี 811,000 บาท
30 ปี 858,000 บาท
35 ปี 889,000 บาท
โดยคิดจากอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7.5
เคล็ดลับที่ 2 “หาโครงการบ้านที่เราสามารถกู้ได้ จากการคำนวณในเคล็ดลับที่ 1”
หากคุณเลือกผ่อนชำระที่ 30 ปี ก็จะสามารถกู้ได้ 858,000 บาท จากนั้นก็ไปเลือกโครงการบ้านที่มีราคาต่ำกว่าล้าน ซึ่งมีตัวเลือกที่น่าสนใจมากมายอย่าง คอนโดมิเนียม ทาวน์โฮม รวมถึงบ้านมือสอง
เคล็ดลับที่ 3 “ตรวจสอบประวัติเครดิตบูโร”
เครดิตบูโร หรือ บริษัทข้อมูลเครดิต (National Credit Bureau) คือ บริษัทที่ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลเครดิตจากสถาบันการเงินหลายๆ แห่งที่เป็นสมาชิกของเครดิตบูโร นำมารวบรวมประมวลผลเป็นข้อมูลเครดิต โดยสถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกจะสามารถเรียกดูรายงานข้อมูลเครดิตได้ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการอนุมัติสินเชื่อ
หากคุณมีหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือบัตรผ่อนชำระต่างๆ หนี้สินของบัตรเหล่านี้ จะไปแสดงที่เครดิตบูโร ทั้งหมด รวมถึงหากมีประวัติการชำระหนี้ไม่ดี,ไม่ตรงต่อเวลา,ผิดนัดจ่ายหนี้กับธนาคาร หรือเบี้ยวหนี้ไม่จ่ายเลย เครดิตบูโรก็จะขึ้น Blacklist ซึ่งหมายความว่า เมื่อคุณไปยื่นกู้เงินซื้อบ้านกับธนาคาร ทางธนาคารจะเห็นประวัติเหล่านี้ทั้งหมด ซึ่งหากประวัติชำระหนี้ไม่ดี อาจทำให้กู้เงินซื้อบ้านได้ยากขึ้น
เคล็ดลับที่ 4 “กู้ร่วม”
หากกู้คนเดียวแล้วยอดยังไม่ถึงราคาบ้านที่เล็งไว้ สามารถกู้ร่วมได้ ซึ่งจะทำให้ยอดเงินที่กู้ได้เพิ่มขึ้นสูงถึง 1 เท่าอย่างต่ำ โดยมีเงื่อนไขคือ ผู้ที่กู้ร่วมควรเป็นครอบครัวนามสกุลเดียวกัน หรือสามีภรรยา ซึ่งหมายความว่าถ้าผู้กู้ร่วมเงินเดือน 15,000 บาทเท่ากัน จะทำให้ยอดกู้เพิ่มขึ้นสูงเป็น 1.6-1.7 ล้านบาทเลยทีเดียว (จากเดิมกู้ 30 ปี ยอด 858,000 บาท)